เปลี่ยนแปลงและพัฒนาการที่สำคัญ
ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท

ปี เหตุการณ์
2497 เริ่มดำเนินกิจการภายใต้ชื่อ "แต้ เกียง เซ้ง"
2529 จัดตั้งเป็นบริษัทจำกัดในนาม “บริษัท ที.เค.เอส อินเตอร์พริ้นติ้ง จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจค้าส่งอุปกรณ์เครื่องเขียน กระดาษ สำนักงาน รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์และของใช้สิ้นเปลือง และได้เริ่มก่อตั้งโรงงาน เพื่อผลิตกระดาษพิมพ์ต่อเนื่อง (Stock Forms)”
2531 จัดตั้งบริษัทย่อย "บริษัท คอมเพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด" เพื่อประกอบธุรกิจนำเข้า และจัดจำหน่ายอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และระบบสารสนเทศ
2535 เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 30 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตกระดาษต่อเนื่องที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม
2539
  • บริษัทเป็นผู้ดำเนินธุรกิจการพิมพ์รายแรกของประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองคุณภาพ ISO 9002
  • ทางบริษัทได้รับการส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจสิ่งพิมพ์ระบบออฟเซ็ท จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
2540
  • บริษัทได้จดทะเบียนแปลงสภาพจากบริษัทจำกัด เป็นบริษัทมหาชน และเปลี่ยนชื่อจากเดิมคือ “บริษัท ที.เค.เอส. อินเตอร์ พริ้นติ้ง จำกัด” เป็น “บริษัท ที.เค.เอส. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)”
  • บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนใน บริษัท คอมเพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด จากเดิม 50 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 99.99
2541 ย้ายฐานการผลิตไปยังโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดเพชรบุรี เนื้อที่ 30 ไร่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตแบบพิมพ์ธุรกิจ
2542 กลุ่มบริษัท Synnex จากประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ และสารสนเทศรายใหญ่ของโลก เข้าร่วมลงทุนร้อยละ 49 ในบริษัทย่อยของบริษัทคือ บริษัท คอมเพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด
2543
  • บริษัทได้รับการรับรองคุณภาพ ISO 14001 ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันเกี่ยวกับมาตรฐานการควบคุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  • บริษัทได้รับเครื่องหมายการค้า Thailand Brand จากกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์
2544 ทางบริษัทได้รับการส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจสิ่งพิมพ์ เพิ่มเติมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
2545
  • บริษัทย่อยของบริษัทคือ บริษัท คอมเพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด ได้มีการเปลี่ยนชื่อบริษัท เป็น บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด ใด้ย้ายที่ทำการพร้อมทั้งสร้างศูนย์ขนส่ง และกระจายสินค้าแห่งใหม่ขึ้นที่บนถนนสุคนธสวัสดิ์ ใกล้กับทางด่วนเอกมัย - รามอินทรา โดยใช้เทคโนโลยีการกระจายสินค้า ที่ได้รับการถ่ายทอดจากกลุ่มบริษัท Synnex ประเทศไต้หวัน
  • บริษัทได้มีการปรับปรุงโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ โดยในส่วนของสินค้าหมวดอุปกรณ์สำนักงาน อาทิเช่น หมึกสำหรับเครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ท และเลเซอร์ สื่อบันทึกข้อมูล เป็นต้น ได้ถูกโอนให้กับ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัดเป็นผู้จัดจำหน่าย ด้วยมีช่องทางการจัดจำหน่ายครอบคลุมพื้นที่เกือบทั่วประเทศ
  • บริษัทได้เปลี่ยนชื่อจากเดิม “บริษัท ที.เค.เอส. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)” เป็น “บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)”
  • บริษัทได้ทำการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 5 บาท พร้อมทั้งเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 200 ล้านบาท เป็น 250 ล้านบาท ทำให้จำนวนหุ้นสามัญจดทะเบียน เพิ่มจากจำนวน 20 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เป็น 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท นอกจากนั้น ได้จ่ายหุ้นปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 2 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ เป็นจำนวน 14 ล้านหุ้น ทำให้จำนวนทุนเรียกชำระแล้วเปลี่ยนจากจำนวน 28 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท เป็น 42 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท
2546
  • บริษัทได้รับการรับรองคุณภาพ ISO 9001 : 2000 เพิ่มเติม
  • บริษัทได้ทำการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 5 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท ทำให้จำนวนหุ้นสามัญจดทะเบียนเปลี่ยนจากจำนวน 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท เป็น 250 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
  • บริษัทได้รับอนุญาตให้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยเปิดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ ในวันที่ 18 พ.ย. 4
2547 บริษัท ได้ลงทุนในบริษัท สยามเพรสแมเนจแม้นท์ จำกัด โดยถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนร้อยละ 85 ของทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท และเข้าถือหุ้นร้อยละ 100 ในต้นปี 2548
2548 เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2548 บริษัทได้ทำการซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิ ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท จำนวน 61,999,540 หน่วย ในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจัดอยู่ในหมวดใบสำคัญแสดงสิทธิ และใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “TKS-W1”
2549
  • บริษัทฯ ได้รับรางวัล “Best of the Best : Best in more than one production” จากการประกวดสิ่งพิมพ์ในงาน 1 st Thai Print Award 2006 จัดโดยสมาคมการพิมพ์ไทย บริษัทฯ ได้รับรางวัลชนะเลิศ “Best of the Best” ประเภท Best Innovative Use of the Printing Process, รางวัล Gold Award ประเภท Innovation in Printing, รางวัล Bronze Award ประเภท Annual Financial Reports. จากงานประกวด Asian Print Awards 2006 ครั้งที่ 4 ที่นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน
  • เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2549 บริษัทฯ ได้จัดงาน Grand Opening โรงงานใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมการพิมพ์ และบรรจุภัณฑ์ สินสาคร ซึ่งมี ฯพณฯ พลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานในครั้งนี้
2550
  • ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2550 เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2550 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 318 ล้านบาท เป็น 360 ล้านบาท การเพิ่มทุนดังกล่าว เป็นการออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 42 ล้านบาท โดยเสนอขายให้แก่บุคคลภายในวงจำกัด (Private Placement) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสรรหาผู้ร่วมลงทุนรายใหม่ หลังจากที่ บริษัท วอชิงตัน สเตรทิจิก แคปปิตอล จำกัด ไม่สามารถ ร่วมลงทุนกับบริษัท ได้ เนื่องจากปัญหา ซับไพร์มในประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ การไม่สามารถร่วมทุนได้ของ บริษัท วอชิงตัน ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการของบริษัท ด้วยที่การขยายลงทุนนั้นมีสถาบันการเงินให้การสนับสนุนทางการเงินอยู่แล้ว
  • บริษัทย่อยของบริษัทคือ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด
    • เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2550 ได้รับการรับใบอนุญาตแสดงเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) สำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
    • เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2550 ได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 500 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียน 705 ล้านบาท
2551 บริษัทย่อยของบริษัทคือ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้รับอนุญาตให้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และได้ทำการซื้อขายหลักทรัพย์ ในวันที่ 16 มิถุนายน 2551
2552 บริษัทย่อย บริษัท ที.เค.เอส. สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้รับ 3 รางวัล จากการประกวดสิ่งพิมพ์ในงาน Asian Print Award 2009 ครั้งที่ 7 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
  • Best of the Best ประเภทงาน Best in more than one production process
  • Gold Award ประเภทงาน Special Printing
2553
  • บริษัทฯ ได้ทำการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้น จากเดิมมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ หุ้นละ 0.10 บาท เป็นหุ้นละ 1.0 บาท ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2553 ลงวันที่ 28 เมษายน 2553
  • หลักทรัพย์ของบริษัทฯ ได้ทำการย้าย จากกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี (Technology) หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(Information & Communication Technology)ไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ(Service) หมวดธุรกิจสิ่งพิมพ์ (Media & Publishing)
  • TKS-W1 ได้ครบกำหนดการใช้สิทธิที่ซื้อหุ้นสามัญของบริษัท โดยมีใบสำคัญแสดงสิทธิทั้งหมดจำนวน 61,999,540 หุ้น ได้ทำการใช้สิทธิที่ซื้อหุ้นสามัญของบริษัท จำนวน 3,325 หุ้น
  • บริษัทฯ ได้ทำการเพิ่มทุนที่ชำระแล้วจากจำนวน 248.073,200 หุ้น เป็น 248,076,525 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1.0 บาท จากการใช้สิทธิของ TKS-W1
  • วันที่ 11 พฤศจิกายน 2553 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติขายหุ้นที่ซื้อคืน จำนวน 16,941,360 หุ้น โดยการขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระยะเวลาการขายหุ้นสามัญที่ซื้อคืน ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2553 ถึง 23 กันยายน 2554
2554
  • ลดทุนจดทะเบียนที่เกิดจากการเพิ่มทุนเพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิและการเสนอขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง โดยการลดจำนวนหุ้นที่ไม่ได้ใช้สิทธิและจำหน่ายไม่หมด จำนวน 111,923,475 หุ้น ทำให้ทุนจดทะเบียนของบริษัทลดลง จากทุนจดทะเบียนเดิม 360,000,000 หุ้น เหลือ 248,076,525 หุ้น ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินการลดทุนจดทะเบียนแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2554
  • บริษัทฯ ได้ทำการขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่จังหวัดเพชรบุรี(โรงงานเดิม) ในมูลค่า 120,000,000 บาท เงินที่ได้จากการขายที่จำนวน 90,000,000 บาท นำไปชำระเงินกู้ที่มีอยู่กับสถาบันการเงิน ส่วนที่เหลือใช้หมุนเวียนภายในกิจการฯ ได้ดำเนินการขายหุ้นสามัญที่ซื้อคืน จำนวน 16,941,360 หุ้น
2555
  • บริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงอาคารโรงงาน เพื่อให้สายการผลิตของบริษัทฯ มีความกระชับและลดระยะเวลาในการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบ พร้อมทั้งปรับปรุงสถานที่ของฝ่าย IT ให้มีความทันสมัยเพื่อรองรับปริมาณงานที่ต้องใช้เทคโนโลยีด้านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับการควบคุมการเข้าออกภายในโรงงานเพื่อเป็นโรงงานซีเคียวริติ้มากยิ่งขึ้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาสสองของปี 2556
  • บริษัทฯ ได้มีโครงการร่วมลงทุนระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง (Employee Joint Investment Program : EJIP) โดยมีระยะเวลาโครงการ 5 ปี เริ่มโครงการตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2556 โดยบริษัทฯ สมทบให้ในอัตราร้อยละ 42 ของเงินลงทุนของลูกจ้าง โครงการดังกล่าวเพื่อให้พนักงานของบริษัทฯ มีความเป็นเจ้าของบริษัทฯ และเป็นการสร้างแรงจูงใจการปฏิบัติงาน และรักษาบุคลากรไว้กับบริษัทฯ ในระยะยาว
2556
  • บริษัทย่อยของบริษัทฯ คือ บริษัท ที.เค.เอส. สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้รับรางวัลจากการประกวดสิ่งพิมพ์ในงาน Thai Print Award 2013 ครั้งที่ 8 โดยได้รับรางวัล “Best of the Best” ประเภทงาน Best in more than one production process และได้รับรางวัล “Silver Award” ประเภทงาน Innovative/Special Printing จากผลงานชิ้นเดียวกัน
  • บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 248,076,525 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 297,691,830 บาท โดยหุ้นสามัญที่เพิ่มจำนวน 49,615,305 เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล ในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวคงเหลือจำนวนหุ้นที่ไม่ได้รับการจัดสรรจำนวน 39 หุ้น
  • บริษัทฯ ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัยข้อมูลสารสนเทศ (Information Security) ISO 27001 จากสถาบัน BUREAU VERITAS THAILAND
2557
  • บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งจาก บริษัทฟูจิ ซีร็อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายกระดาษถ่ายเอกสาร ในแบรนด์ ฟูจิ ซีร็อกซ์ แต่เพียงรายเดียวในประเทศ
  • บริษัทฯ ขยายฐานการผลิตไปสู่ตลาดบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนตัว (Flexible Packaging) โดยมีการลงทุนเครื่องจักรกราเวียร์ (Gravure)
  • บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 327,460,970 บาท โดยหุ้นสามัญที่เพิ่มจำนวน 29,769,179 บาท เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล ในอัตราส่วน 10 หุ้นเดิมต่อ 1หุ้นใหม่ ในการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว คงเหลือจำนวนหุ้นที่ไม่ได้รับการจัดสรรจำนวน 79 หุ้น
  • บริษัทฯ มีโครงการร่วมลงทุนระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง (Employee Joint Investment Program: EJIP) โครงการที่ 2 โดยมีระยะเวลาโครงการ 3 ปี เริ่มโครงการตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2557 โดยบริษัทฯ สมทบให้ในอัตราร้อยละ 42 ของเงินลงทุนของลูกจ้าง
2558
  • เปลี่ยนแปลงสถานะลงทุน ในบริษัท ไทยบริติชซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง จำกัด(มหาชน) “TBSP” เป็นบริษัทร่วม เนื่องจากกลุ่มตระกูลมงคลสุธี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ ได้ถือหุ้นใน TBSP ในสัดส่วน 32.12%
  • รับรางวัลบริษัทจดทะเบียนด้านผลการดำเนินงานยอดเยี่ยม (Best Company Performance Awards) และรางวัลบริษัทจดทะเบียนด้านนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยม (Best Investor Relation Awards) กลุ่ม Market Capitalization ไม่เกิน 3,000 ล้านบาท
  • รับการรับรองมาตรฐานระบบบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management System :ISO 22301 : 2012) จากสถาบัน BUREAU VERITAS THAILAND เป็นกระบวนการบริหารแบบองค์รวมซึ่งชี้บ่งภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นต่อองค์กร และผลกระทบของภัยคุกคามนั้นต่อการดำเนินธุรกิจ และให้แนวทางในการสร้างขีดความสามารถให้องค์กรมีความยืดหยุ่น (Resilience) เพื่อการตอบสนองและปกป้องผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก ชื่อเสียง ภาพลักษณ์ และกิจกรรมที่สร้างมูลค่าที่มีประสิทธิผล
  • ได้รับอนุญาติจากองค์การบริหารจักการก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน) ในการใช้เครื่องหมายรับรองคาร์ฟุตพริ้นท์ ในผลิตภัณฑ์กระดาษต่อเนื่อง 3 รายการ เป็นระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่ 15 กรกฎาคม 2558 - 15 กรกฎาคม 2560
  • พิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 360,206,980 บาท โดยหุ้นสามัญที่เพิ่มจำนวน 32,746,089 บาทเพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล ในอัตราส่วน 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวคงเหลือจำนวนหุ้นที่ไม่ได้รับการจัดสรรจำนวน 212 หุ้น
  • บริษัท ที.เค.เอส.สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จำกัด (บริษัทย่อย) ได้ทำการจัดตั้งบริษัทใหม่ 3 บริษัท ดังนี้
    • บริษัท เทคโน พริ้นท์ แอนด์ แพ็ค จำกัด ประกอบธุรกิจสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์พิมพ์ลวดลาย โดยมีทุนจดทะเบียน 25.0 ล้านบาท ทุนชำระแล้ว 10.0 ล้านบาท บริษํทย่อย ถือหุ้น 99.99 % (จัดตั้งเมื่อ 20 เม.ย. 58)
    • บริษัท ทีไอเทค จำกัด ประกอบธุรกิจการให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์และงานบริการต่าง ๆ เกี่ยวกับระบบสารสนเทศ โดยมีทุนจดทะเบียน 5.0 ล้านบาท ทุนชำระ 1.25 ล้านบาท บริษัทย่อยถือหุ้น 70% (จัดตั้งเมื่อ 19 ต.ค. 58)
    • กิจการร่วมค้า TNT&TKS Technologies Co.,Ltd ประกอบธุรกิจสิ่งพิมพ์และบริการสารสนเทศในต่างประเทศ ทุนจดทะเบียน 1.0 ล้านบาท บริษัทย่อยถือหุ้น 60% (อยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัท)
2559
  • บริษัทติดอันดับ 1 ใน 100 ของ ESG100 ซึ่งเป็นการจัดอันดับโดยสถาบันไทยพัฒน์ เป็นการคัดเลือกจากบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียน จำนวน 621 บริษัท ในปี 2559 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG)
  • บริษัทได้การรับรองเป็น โรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory)* จากสถาบันสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2559
  • * โรงงานเชิงนิเวศ (Eco Factory) หมายถึง โรงงานอุตสาหกรรมที่ยึดมั่นในการประกอบกิจการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยการมุ่งเน้นในเรื่องของการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิต และการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมบนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมทั้งภายในและภายนอกองค์กร ตลอดโซ่อุปทานอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
2560
  • เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2560 ได้มีมติแต่งตั้งนางสาวศิริวรรณ สุกัญจนศิริ เป็นประธานบริษัท และได้แต่งตั้งนายสมคิด เวคินวัฒนเศรษฐ์เป็นกรรมการและกรรมการผู้จัดการ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2560 ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์ในธุรกิจสิ่งพิมพ์ รวมระยะเวลา 23 ปี
  • บริษัทติดอันดับ 1 ใน 100 เป็นปีที่ 2 ของ ESG100 ซึ่งเป็นการจัดอันดับโดยสถาบันไทยพัฒน์ เป็นการคัดเลือกจากบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียน จำ??นวน 656 บริษัท ในปี 2560 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG)
  • บริษัทได้รับรางวัล Best of the Best ประเภท Best in More Than One Production Process และรางวัล Gold Award ประเภท Multi-Piece Production & Campaigns ในงานประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติ ครั้งที่ 12 (Thailand Print Award 2017)
  • บริษัทและบริษัทย่อยได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ระดับ 4* จากกระทรวงอุตสาหกรรม
    * ระดับ 4 หมายถึง วัฒนธรรมสีเขียว (Green Culture) คือการที่ทุกคนในองค์กรให้ความร่วมมือร่วมใจดำเนินงานอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในทุกด้านของการประกอบกิจการจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร
  • บริษัทและบริษัทย่อยมีโครงการร่วมลงทุนระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง (Employee Joint Investment Program :EJIP) โครงการที่ 3 โดยมีระยะเวลาโครงการ 5 ปี เริ่มโครงการตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2560-10 ตุลาคม 2565 โดยบริษัทสมทบให้ ในอัตรา 42% ของเงินลงทุนของลูกจ้าง
2561
  • บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เข้าอย่ใู นกล่มุ ของบริษัทหลักทรัพย์ ESG 100 ประจำปี 2561 ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 จากการประเมินความยั่งยืน โดยสถาบันไทยพัฒน์ ซึ่งเป็นการคัดเลือกจากบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียน จำนวน 683 บริษัท ในปี 2561ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล(Environmental, Social and Governance : ESG) อย่างต่อเนื่อง
  • บริษัทและบริษัทย่อย ได้รับการรับรองมาตรฐานระบบการจัดการความปลอดภัยของอาหาร (Food Safety Management System: ISO 22000 v4.1) จากสถาบัน INTERTEK ซึ่งเป็นระบบการจัดการความปลอดภัยที่มีมาตรฐานเกี่ยวข้องกับเรื่องของอาหาร การวิเคราะห์ถึงเรื่องอันตราย และจุดวิกฤตที่จำเป็นต้องได้รับการควบคุมในขั้นตอนการผลิตอาหารที่เรียกว่า HACCP(Hazard Analysis and Critical Point System) ซึ่งเป็นระบบการจัดการที่ช่วยให้อาหารเกิดความปลอดภัยต่อผู้บริโภคโดยการเข้าคุมจุดวิกฤตที่ต้องควบคุมในการผลิต (CCP) โดยนำไปใช้ทุกกระบวนการที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อาหาร เริ่มตั้งแต่ผู้ผลิต เบื้องต้น คือ Primary Producer ไปจนถึงผู้บริโภค ช่วยสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์อาหารได้มากขึ้นลดการกีดกันทางการค้าจากประเทศนำเข้า ทั้งนี้ระบบ HACCPจะยึดมาตรฐานตามโครงการอาหารระหว่างประเทศ “Codex” ช่วยป้องกันสารปนเปื้อนที่เป็นอันตราย ทั้งทางเคมีและสารชีวภาพ รวมไปถึงกายภาพของอาหารให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด มีการควบคุมพนักงาน ตรวจสอบขั้นตอน ติดตามอย่างต่อเนื่องในจุดวิกฤตที่ต้องควบคุมเป็นพิเศษ
  • เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2561 มีมติดังนี้
    • ให้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมจาก บริษัท ไทยบริติชซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง จำกัด (มหาชน) โดยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข (Voluntary Tender Offer)
    • ลดทุนจดทะเบียนจำนวน 212.00 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม จำนวน 360,206,980.00 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 360,206,768.00 บาท โดยการตัดหุ้นจดทะเบียนที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายของบริษัท จำนวน 212 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท
    • เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 60,000,000.00 จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 360,206,768.00 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 420,206,768.00 บาท โดยการออกห้นุ สามัญเพ่มิ ทุนจำนวน 60,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท
    • จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 60,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering)
  • บริษัทเข้าถือหุ้นใน บริษัท ไทยบริติชซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง จำกัด (มหาชน) “TBSP” เพิ่มขึ้น จากเดิมถือในสัดส่วน 19.89% เป็น 77.74% ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงสถานะจากบริษัทร่วมเป็นบริษัทย่อย โดยบริษัทนำงบการเงินของ TBSP มารวมในการจัดทำงบการเงินรวมตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2561 ซึ่งเป็นวันที่บริษัทมีการควบคุม TBSP
  • เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ได้ยกเลิกกิจการ C.T.K.S.Technologies Co., Ltd. ในประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าผ่านการถือหุ้นโดยบริษัท ที.เค.เอส. สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จำกัด
  • เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 บริษัทได้ลงทุนในบริษัทโกไฟว์ จำ กัด โดยถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ทุนชำ ระแล้ว 5 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ บริการให้คำ ปรึกษา และให้บริการด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและซอฟต์แวร์
2562
  • บริษัทติดอันดับ 1 ใน 100 เป็นปีที่ 4 ของ ESG100 ปี 2562 ซึ่ง เป็นการจัดอันดับโดยสถาบันไทยพัฒน์เป็นการคัดเลือกจากบริษัท หลักทรัพย์จดทะเบียน จํานวน 771 บริษัท ที่มีการดําเนินงาน โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental,Social and Governance : ESG)
  • บริษัทย่อยของบริษัท คือ บริษัท ที.เค.เอส. สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จํากัดได้รับเครื่องหมายรับรองฮาลาลจากสํานักงานคณะกรรมการ กลางอิสลามแห่งประเทศไทย เพื่อรับรองผลิตภัณฑ์กระบวนการ ผลิตบรรจุภัณฑ์ตามกรรมวิธีอย่างถูกต้องตามหลักการศาสนาอิสลาม
  • บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อย คือ บริษัท เซอร์วิส ฮอลล์ จํากัด ด้วยหุ้นที่บริษัทถืออยู่ในบริษัท ที.เค.เอส. สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จํากัด (Share Swap) เพื่อรองรับแนวทางการปรับโครงสร้างธุรกิจของ กลุ่มบริษัทในส่วนที่เกี่ยวกับกิจการรับจ้างแบบพิมพ์แบบฟอร์ม ต่างๆ ตลอดจนสื่อสิ่งพิมพ์ทุกประเภท โดยจะรวมบริษัทในเครือ ที่ประกอบธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์เข้าด้วยกันหรือจัดไว้ภายในกลุ่ม เดียวกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดําเนินกิจการและการบริหาร งานของกลุ่มบริษัท ทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 30 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท โดยบริษัทถือหุ้น 99.99%
  • บริษัทย่อยของบริษัท คือ บริษัท โกไฟว์ จํากัด ได้รับรางวัล จาก Thailand ICT Awards 2019 (TICTA2019) ในงานประกวด ซอฟต์แวร์ระดับชาติ เป็นบริษัทผู้จัดทําระบบ Venio CRM ตอกย้ํา ความสําเร็จ ก้าวสู่ผู้นําระบบ CRM บนสมาร์ทโฟนที่น่าใช้งานมาก ที่สุด พร้อมช่วยเรื่องการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และ การจัดการบริหารงานขายอย่างมืออาชีพ โดย "Venio CRM” มุ่ง พัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ธุรกิจในยุค ดิจิทัล เดินหน้าโชว์คุณภาพ เน้นใช้งานง่ายผ่านมือถือ สะดวก รวดเร็วอยู่บนพื้นฐานการบริการซอฟต์แวร์ระดับมาตรฐานสากล และมุ่งเน้นการยกระดับทางธุรกิจให้กับองค์กรทุกขนาด และทุก ระดับอุตสาหกรรม
  • บริษัทได้ทําการขายหุ้นสามัญของบริษัทย่อย คือ บริษัท โกไฟว์ จํากัด จํานวน 399,997 หุ้นคิดเป็นร้อยละ 40 ของหุ้นที่ออกและ จําหน่ายแล้วทั้งหมด ให้กับนายจุติพันธุ์ มงคลสุธี ในราคาหุ้นละ6 บาท เป็นจํานวนเงิน 2,399,982 บาท ทําให้บริษัทถือหุ้น 60%
  • บริษัทได้การทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดใน บริษัท ทีบีเอสพี จํากัด (มหาชน) (“TBSP") โดยสมัครใจ (Voluntary Tender offer) โดยบริษัทเข้าถือหุ้นใน TBSP ในสัดส่วน 97.17%
  • บริษัทย่อยของบริษัท คือ บริษัท ไทยบริติชซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง จํากัด (มหาชน) ได้เปลี่ยนชื่อบริษัท เป็นบริษัททีบีเอสพีจํากัด (มหาชน) “TBSP”
  • บริษัทจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สําหรับผลการดําเนินงานงวด6 เดือนแรกของปี 2562 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2562 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตรา 0.20 บาท เป็นจํานวนหุ้นทั้งหมด 462,226,467 หุ้นรวมเป็นจํานวนเงินทั้งสิ้น 92,445,293.40 บาท โดยเงินปันผลจ่ายดังกล่าวเป็นการจ่ายจาก กําไรสุทธิ
  • บริษัทย่อยของบริษัท คือ บริษัท ที.เค.เอส. สยามเพรส แมเนจ เม้นท์ จํากัด ได้เข้าไปซื้อเงินลงทุนในบริษัท ที.เค.เอส.-เวลโก (ประเทศไทย) จํากัด ทําให้กลุ่มบริษัทมีสัดส่วนจากร้อยละ 51 เป็นร้อยละ 100 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท มาร์เวลแพค จำกัด (MARVEL PACK Co., Ltd.)
  • บริษัทได้จัดตั้งกิจการร่วมค้า ภายใต้ชื่อ บริษัท ทิม ซีเคียวด์ เทคโนโลยีส์ จํากัด ประกอบธุรกิจการพิมพ์ดิจิทัลและการพัฒนา ซอฟต์แวร์ มีวัตถุประสงค์ เพื่อโครงการเทคโนโลยีการพิมพ์ชั้นสูง โดยบริษัทมีสัดส่วนในเงินลงทุน 33.33%
2563
  • บริษัทฯ ติดอันดับ 1 ใน 100 เป็นปีที่ 5 ของ ESG100 ปี 2563 ซึ่งเป็นการจัดอันดับโดยสถาบันไทยพัฒน์ ที่มีการด าเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG)
  • บริษัทฯ ได้รับมอบโล่มาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) ในงาน “Eco Innovation Forum 2020” โดยได้รับรองตามมาตรฐานการบริหารจัดการโรงงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการขับเคลื่อนระบบนิเวศให้เติบโตอย่างสมดุล
  • บริษัทฯ ได้รับมอบประกาศนียบัตรคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร ในฐานะที่ดำเนินงานและส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในงาน “ร้อยดวงใจ ร่วมใจลดโลกร้อน” (คาร์บอนฟุตพริ้นต์) ประจำปี 2563
  • บริษัทฯ ได้รับการรับรองให้เป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) ในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน
  • มีการปรับโครงสร้างกิจการของกลุ่มบริษัทฯ โดยการโอนกิจการทั้งหมด ซึ่งได้แก่ ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ บริษัท ที.เค.เอส. สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จำกัด ผ่านบริษัท เซอร์วิส ฮอลล์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่ให้แก่ บริษัท ทีบีเอสพี จ ากัด (มหาชน) (“TBSP”) โดย TBSP ได้ออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ TBSP จ านวน 94,220,357 หุ้น ให้แก่ เซอร์วิส ฮอลล์ เพื่อชำระเป็นค่าตอบแทนสำหรับการซื้อและการรับโอนกิจการทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เซอร์วิส ฮอลล์ ได้ดำเนินการจดทะเบียนเลิกบริษัทกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2563 ผู้ชำระบัญชีและผู้ถือหุ้นรายอื่นของเซอร์วิส ฮอลล์ จึงได้มีหนังสือแจ้งให้ TBSP ดำเนินการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 94,220,357 หุ้น
2564
  • การปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทฯ และ TBSP เป็นการดำเนินการเพื่อปรับแผนธุรกิจสิ่งพิมพ์กระดาษและธุรกิจบัตรพลาสติกของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยการพัฒนานวัตกรรมด้านระบบสารสนเทศ และได้ปรับโครงสร้างองค์กรในกลุ่มบริษัทฯ ให้เกิดผลผนึก (Synergy) ทั้งด้านการพัฒนาตลาดและผลิตภัณฑ์ และด้านการลดต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันโดยรวมสำหรับรักษาฐานธุรกิจเดิมควบคู่ไปกับการหาพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่
  • บริษัทฯ ได้ซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ของบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (“SABUY”) จำนวน 110,000,000 หุ้น มูลค่ารวมทั้งสิ้น 984,500,000.00 บาท บริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นของ SABUY ในสัดส่วนร้อยละ 9.68 ของหุ้นที่จ าหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ SABUY
  • บริษัทฯ ขายหุ้นสามัญของ TBSP จำนวน 150,061,118 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 73.48 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ TBSP คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,005,022,000.00 บาท ให้แก่ SABUY ซึ่งภายหลังการขายหุ้น TBSP ส่งผลให้บริษัทฯ มีสัดส่วนการถือหุ้นใน TBSP ร้อยละ 25 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ TBSP ? บริษัทฯ ซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ของบริษัท ทีบีเอสพี จ ากัด (มหาชน) (“TBSP”) จำนวน 10,209,711 หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 102,097,110.00 บาท ซึ่งการเข้าทำรายการดังกล่าวจะส่งผลให้ TKS คงสัดส่วนการเป็นผู้ถือหุ้นของ TBSP ในสัดส่วนร้อยละ 25 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ TBSP
  • คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจัดตั้งบริษัท เน็กซ์ เวนเจอร์ส จำกัด เป็นบริษัทย่อยแห่งใหม่ เพื่อประกอบธุรกิจลงทุนในกิจการอื่น โดยมีทุนจดทะเบียน 50,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 5,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยการจัดตั้งบริษัทดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปี 2565
2565
  • จัดตั้ง บริษัท เน็กซ์ เวนเจอร์ส จํากัด เป็นบริษัทย่อยแห่งใหม่ ด้วยทุนจด ทะเบียน 50,000,000 บาท
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 462,226,467 บาท เป็น 508,449,467 บาทโดย ออกเป็นหุ้นสามัญจํานวน 46,223,000 หุ้น สําหรับการจ่ายเงินปันผลเป็น หุ้นสามัญ
  • เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท เน็กซ์ เวนเจอร์ส จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จํานวน 50,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 50,000,000 บาท เป็น 100,000,000 บาท
  • ขายหุ้นสามัญของบริษัท สบาย เทคโนโลยี จํากัด (มหาชน) ("SABUY) จํานวน 25,000,000 หุ้น ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 1.75 ของหุ้นที่จําหน่ายได้แล้ว ทั้งหมดของ SABUY
  • เข้าชื้อหุ้นสามัญของ บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) ("MSC") จํานวน 32,4000,000 หุ้น ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 9.00 ของจํานวนหุ้น ที่จําหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ MSC
  • อนุมัติโครงการร่วมลงทุนระหว่างนายจ้างและลูกจ้างของบริษัทและบริษัท ย่อย โครงการที่ 4 (EJIP#4)
  • จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท จากผล การดาเนินงานสําหรับงวด 6 เดือนแรกประจําปี 2565
  • ขายหุ้นสามัญ SABUY อีกจํานวน 8,000,000 หุ้น ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 0.54 ของหุ้นที่จําหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ SABUY และใบสําคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้น ครั้งที่ 2 ของ SABUY-W2 จํานวน 25,350,000 หน่วย จะส่งผลให้บริษัทฯมี สัดส่วนการถือหุ้นใน SABUY คงเหลือไม่เกินร้อยละ 5.16 ของหุ้นที่จําหน่าย ได้แล้วทั้งหมดของ SABUY และถือใบสําคัญแสดงซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้ง ที่ 2 ("SABUY-W2") คงเหลือจํานวน 8,650,000 หน่วย
  • เข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จํากัด (มหาชน) ("AIT") จํานวน 19,200,000 หุ้น ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 1.44 ของหุ้นที่จําหน่าย ได้แล้วทั้งหมดของ AIT และใบสําคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นครั้งที่ 2 ของ AIT ("AIT-W2”) จํานวน 28,968,900 หน่วย
  • 1.พิจารณาอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จํานวน 1,028 บาท จากทุนจดทะเบียนจํานวน 508,449,467 บาท เป็นจํานวน 508,448,439 บาท ด้วยการตัดหุ้นสามัญในส่วนที่ยังมิได้มีการออก จําหน่าย จํานวน 1,028 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และการแก้ไข เพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทฯ ข้อ 4. เพื่อให้สอดคล้องกับ การลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ
  • 2. พิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ อีกจํานวน 115,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนจํานวน 508,448,439 บาท เป็น จํานวน 623,448,439 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 115,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อนําเงินที่ได้รับจาก การขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนไปซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท แอ็ดวานช์อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จํากัด (มหาชน) ("AIT") จาก SABUY และการ แก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทฯ ข้อ 4. เพื่อให้สอดคล้อง กับการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ
  • 3. พิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จํานวน 115,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 18.45 ของหุ้นที่จําหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเพิ่ม ทุนชําระแล้ว ให้แก่ SABUY คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,610,000,000 บาท เพื่อนําเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นเงินทุนส่วนหนึ่ง เพื่อชื้อหุ้นสามัญ AIT จาก SABUY จํานวน 225,000,000 หุ้น มูลค่า หุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาหุ้นละ 7.50 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่ เกิน 1,687,500,000 บาท
  • 4. พิจารณาอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นสามัญ AIT จาก จาก SABUY และ นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ("นายชูเกียรติฯ”) รวมเป็นจํานวนหุ้นสามัญ AIT ที่บริษัทฯ เข้าทํารายการซื้อทั้งหมดจํานวน 280,000,000 หุ้นหรือ คิดเป็นร้อยละ 21.03 ของจํานวนหุ้นที่จําหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ AIT โดยมีมูลค่ารวม 2,100,000,000 บริษัทฯ ถือหุ้นสามัญ AIT จํานวน 19,200,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 1.44 ของจํานวนหุ้นที่จําหน่ายได้ แล้วทั้งหมดของ AIT และมีใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ AIT ครั้งที่ 2 (AIT-W2) อีกจํานวน 28,968,900 หน่วยโดยธุรกรรมทั้งหมดนี้จะต้องผ่านการพิจารณาอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญ ผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566
  • ขายหุ้นสามัญของ SABUY จํานวน 39,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้น ละ 1.00 บาท ในราคาหุ้นละ 11.20 บาท และใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น สามัญของ SABUY ครั้งที่ 2 (SABUY-W2) จํานวน 8,650,000 หน่วย ที่ ราคาหน่วยละ 5.90 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 487,835,000 บาท ให้นายชูเกียรติฯ ซึ่งการเข้าทํารายการดังกล่าวจะส่งผลให้ บริษัทฯ คง เหลือและถือหุ้นสามัญของ SABUY จํานวน 38,000,000 หุ้นหรือคิดเป็น สัดส่วนร้อยละ 2.55 ของหุ้นที่จําหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ SABUY และไม่มีSABUY-W2 คงเหลือ